อย่าเพิ่งขุด ถ้ายังไม่รู้กฎหมาย: สิ่งที่เจ้าของบ้านต้องรู้ก่อนสร้างสระว่ายน้ำ
หลายคนวางแผนจะมีสระว่ายน้ำไว้ในบ้านเพื่อพักผ่อน หรือเพิ่มมูลค่าให้กับที่อยู่อาศัย แต่สิ่งที่หลายคนมองข้ามคือ “ข้อกฎหมาย” ที่เกี่ยวข้องกับการสร้างสระ ซึ่งหากละเลย อาจนำไปสู่ค่าปรับ การรื้อถอน หรือปัญหาด้านเพื่อนบ้านที่ไม่คาดคิด
คำถามยอดฮิตอย่าง “สร้างสระว่ายน้ำต้องขออนุญาตไหม?” หรือ “ติดกับรั้วเพื่อนบ้านได้หรือเปล่า?” ล้วนสะท้อนถึงความไม่แน่ใจของเจ้าของบ้าน ซึ่งบทความนี้จะมาไขข้อข้องใจทั้งหมด
การมีสระว่ายน้ำส่วนตัวในบ้านเป็นความฝันของใครหลายคน เพราะนอกจากจะเพิ่มคุณภาพชีวิต ยังช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับตัวบ้าน และกลายเป็นจุดศูนย์กลางของการพักผ่อนในครอบครัว แต่ก่อนที่คุณจะเริ่มลงมือขุดหรือว่าจ้างผู้รับเหมาให้เข้าทำงาน สิ่งแรกที่คุณควรรู้และไม่ควรมองข้ามเลยคือ ข้อกฎหมาย และ การขอใบอนุญาต ที่เกี่ยวข้องกับการสร้างสระว่ายน้ำ
บทความนี้จะพาคุณรู้จักข้อกฎหมายเกี่ยวกับการสร้างสระว่ายน้ำ ตั้งแต่ พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร ระยะร่น การขอใบอนุญาต และเอกสารที่ต้องใช้ พร้อมแนวทางปฏิบัติจริงสำหรับเจ้าของบ้าน รวมถึงข้อเปรียบเทียบระหว่างสระที่ต้องขออนุญาต กับสระที่สามารถสร้างได้เลย
กฎหมายหลักที่เกี่ยวข้องกับการสร้างสระว่ายน้ำ
การสร้างสระว่ายน้ำในบ้านไม่ว่าจะเป็นแบบถาวรหรือแบบสำเร็จรูป หากมีการวางระบบถาวร เช่น ท่อประปา ปั๊มน้ำ ระบบไฟ หรือมีโครงสร้างที่ฝังลงดิน ย่อมถือเป็น “งานก่อสร้าง” ที่อยู่ภายใต้การควบคุมของกฎหมายหลายฉบับ ซึ่งเจ้าของบ้านควรทำความเข้าใจไว้ล่วงหน้า เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาด้านเอกสาร การอนุมัติ หรือความผิดทางกฎหมายในอนาคต
กฎหมายสำคัญที่เกี่ยวข้อง ได้แก่:
- พระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522
กฎหมายฉบับนี้ระบุชัดเจนว่า “อาคาร” หมายรวมถึงสิ่งปลูกสร้างถาวรทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นบ้าน ที่จอดรถ หรือแม้แต่ “สระว่ายน้ำที่ติดตั้งแบบถาวร” หากมีโครงสร้างและการใช้งานที่ต่อเนื่อง ก็ต้องยื่นแบบและขออนุญาตต่อเจ้าพนักงานท้องถิ่นเช่นเดียวกัน
- กฎกระทรวงกำหนดประเภทอาคารที่ต้องขออนุญาต
ออกตาม พ.ร.บ. ควบคุมอาคาร ซึ่งให้รายละเอียดชัดเจนว่างานก่อสร้าง ดัดแปลง หรือรื้อถอนอาคารใดต้องขออนุญาต โดยในบางกรณี หากเป็นสระว่ายน้ำขนาดใหญ่หรือฝังพื้น จะถือว่าเข้าข่ายอาคารที่ต้องได้รับอนุมัติ
- ข้อบัญญัติท้องถิ่นและเทศบัญญัติ
เขตเทศบาล อบต. หรือเมืองใหญ่บางแห่ง (เช่น กรุงเทพฯ เชียงใหม่ ภูเก็ต) อาจมีข้อบัญญัติเฉพาะที่เพิ่มเติมจากกฎหมายกลาง เช่น การห้ามสร้างใกล้ระบบระบายน้ำสาธารณะ การกำหนดแนวร่นเพิ่มเติม ฯลฯ ซึ่งเจ้าของบ้านควรติดต่อสำนักงานเขตก่อนเริ่มโครงการ
“การขออนุญาตสร้างสระว่ายน้ำ ไม่ได้เป็นแค่เรื่องของเอกสาร แต่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยของผู้อยู่อาศัยและระบบสาธารณูปโภครอบบ้าน”
— กรมโยธาธิการและผังเมือง, คู่มือกฎหมายอาคาร 2566
แม้ว่าการ สร้างสระว่ายน้ำ ภายในบ้านจะดูเหมือนเรื่องส่วนตัว แต่ในทางกฎหมาย สระที่มีโครงสร้างถาวรหรือใช้ระบบไฟ-ประปาอย่างเป็นทางการนั้นถือเป็น “อาคารประเภทหนึ่ง” ที่อยู่ภายใต้ข้อกำหนดของรัฐอย่างชัดเจน
เพื่อให้มั่นใจว่าคุณจะไม่เสียเวลา เสียเงิน หรือเสี่ยงถูกสั่งระงับงานในภายหลัง การศึกษากฎหมายหลักเหล่านี้ล่วงหน้า และปรึกษาสำนักงานเขตในพื้นที่คือก้าวแรกที่ปลอดภัยที่สุดในการเริ่มโครงการของคุณ
ต้องขอใบอนุญาตเมื่อใด? กรณีไหนไม่ต้องขอ
การจะรู้ว่า “ต้องขอใบอนุญาตหรือไม่” คือจุดเริ่มต้นสำคัญของ ขั้นตอนการวางแผนสร้างสระว่ายน้ำ เพราะถ้าคุณเข้าใจผิด อาจดำเนินการก่อสร้างโดยไม่ยื่นเอกสาร และเมื่อเจ้าหน้าที่ตรวจพบ อาจต้องเจอกับคำสั่งรื้อถอนหรือค่าปรับย้อนหลัง
ข้อกำหนดเกี่ยวกับการขออนุญาตขึ้นอยู่กับ ลักษณะของสระว่ายน้ำ ว่าเข้าข่ายเป็น “สิ่งปลูกสร้างถาวร” หรือไม่ และ การใช้งานระบบประกอบ เช่น ระบบกรอง ระบบไฟ ระบบน้ำ ฯลฯ ซึ่งหากเป็นแบบถาวร ก็มีโอกาสต้องยื่นขออนุญาตก่อสร้างเหมือนบ้านหรือตึกทั่วไป
ประเภทสระ | ต้องขออนุญาต | เหตุผล |
---|---|---|
สระคอนกรีตก่อสร้างลึกเกิน 1.5 ม. | ✅ ใช่ | เข้าข่ายอาคารถาวร |
สระสำเร็จรูปขนาดเล็ก (เช่น 2×3 ม.) | ❌ ไม่ต้อง | เคลื่อนย้ายได้ ไม่ฝังพื้น |
สระว่ายน้ำที่มีระบบกรองน้ำ-ไฟฟ้า | ✅ ใช่ | มีการเดินระบบท่อและไฟฟ้า |
โดยสรุป หากคุณกำลังวางแผนจะ สร้างสระว่ายน้ำ แบบฝังพื้น มีโครงสร้างถาวร และติดตั้งระบบหมุนเวียนน้ำหรือไฟฟ้าแบบถาวร — คุณจะต้องยื่นขอใบอนุญาตก่อสร้างกับหน่วยงานท้องถิ่นก่อนเสมอ
แต่หากเป็นสระสำเร็จรูปขนาดเล็ก ไม่มีการฝังดินลึก และไม่มีการต่อระบบไฟ-ท่อถาวร ก็อาจได้รับการยกเว้น (ขึ้นอยู่กับแต่ละพื้นที่) อย่างไรก็ตาม ทางที่ดีที่สุดคือ สอบถามสำนักงานเขตหรือ อบต. ในพื้นที่ก่อนเริ่มโครงการทุกครั้ง เพื่อความมั่นใจว่าคุณดำเนินการอย่างถูกต้องตามกฎหมาย
เอกสารที่ใช้ในการขอใบอนุญาต
เมื่อทราบแล้วว่าสระว่ายน้ำที่คุณต้องการสร้างเข้าข่าย “ต้องขออนุญาต” ขั้นตอนถัดไปที่สำคัญคือการเตรียม เอกสารประกอบ ให้ครบถ้วนเพื่อยื่นต่อหน่วยงานท้องถิ่น เช่น สำนักงานเขต หรือเทศบาล ซึ่งจะเป็นผู้พิจารณาและอนุมัติโครงการก่อสร้างของคุณ
เอกสารเหล่านี้มีความสำคัญอย่างมาก เพราะหากไม่ครบถ้วน อาจทำให้เกิดความล่าช้าในการอนุมัติ หรืออาจถูกตีกลับให้ปรับแบบใหม่ ส่งผลให้แผนการก่อสร้างต้องเลื่อนออกไปโดยไม่จำเป็น
ดังที่ข้อมูลของ กรมโยธาธิการและผังเมือง (คู่มือประชาชน – การขออนุญาตก่อสร้างอาคาร พ.ศ. 2566) บอกไว้ว่า
ระยะเวลาในการอนุมัติแบบ สร้างสระว่ายน้ำ เฉลี่ยอยู่ที่ 15–30 วันทำการ หากเอกสารครบถ้วนและแบบก่อสร้างได้รับการรับรองจากวิศวกรหรือสถาปนิกที่มีใบอนุญาต โดยขั้นตอนจะรวมถึงการตรวจสอบโครงสร้าง, ระบบไฟฟ้า, ระบบน้ำ, และระยะร่นตามข้อกำหนดของกฎหมายท้องถิ่น
เอกสารที่ต้องใช้โดยทั่วไปมีดังนี้:
- แบบแปลนสระว่ายน้ำ
จัดทำโดยสถาปนิกหรือวิศวกรที่มีใบอนุญาต
ต้องแสดงรายละเอียดครบถ้วนทั้งขนาด ความลึก ตำแหน่ง ทิศทาง และวัสดุที่ใช้
- รายการคำนวณโครงสร้าง
สำหรับกรณีที่ใช้โครงสร้างคอนกรีต หรือมีความลึกเกิน 1.5 เมตร
ต้องรับรองโดยวิศวกรโยธา
- แผนผังบริเวณ (Site Plan)
แสดงตำแหน่งสระว่ายน้ำภายในที่ดิน
ต้องแสดงระยะร่นจากรั้ว/แนวเขต
- สำเนาโฉนดที่ดิน
พร้อมเซ็นรับรองสำเนาถูกต้อง
หากไม่ใช่เจ้าของโดยตรง ต้องแนบสัญญาเช่าหรือหนังสือยินยอม
- หนังสือยินยอมจากเพื่อนบ้าน (กรณีที่อยู่ใกล้แนวรั้ว)
ป้องกันปัญหาข้อพิพาทภายหลัง โดยเฉพาะเมื่อระยะร่นน้อย
- แบบระบบไฟฟ้าและระบบประปา
หากมีการเดินระบบไฟ ระบบกรอง หรืออุปกรณ์เสริม เช่น ไฟใต้น้ำ ปั๊มน้ำ ระบบสปา ฯลฯ
- หนังสือมอบอำนาจ (ถ้ามีการยื่นแทน)
พร้อมสำเนาบัตรประชาชนของผู้รับมอบและผู้มอบอำนาจ
การเตรียมเอกสารให้ครบตั้งแต่ต้นไม่เพียงแต่ช่วยให้กระบวนการอนุมัติเป็นไปอย่างรวดเร็ว แต่ยังช่วยป้องกันปัญหาการถูกตีกลับแบบ หรือต้องแก้ไขหลายรอบ ซึ่งอาจส่งผลถึงงบประมาณและเวลาการก่อสร้างโดยรวม
หากคุณไม่มั่นใจในการจัดเตรียมเอกสารเหล่านี้ การปรึกษาวิศวกรหรือผู้รับเหมาที่เชี่ยวชาญเรื่องกฎหมายก่อสร้าง จะช่วยลดความยุ่งยาก และทำให้คุณสามารถ สร้างสระว่ายน้ำ ได้อย่างราบรื่น ถูกต้อง และมั่นใจในทุกขั้นตอน
สร้างติดรั้ว เสี่ยงถูกสั่งรื้อ! รู้จัก “ระยะร่น” ก่อนวางตำแหน่งสระว่ายน้ำ
หลายคนที่ต้องการสร้างสระว่ายน้ำในบ้านมักมองหา “พื้นที่ว่าง” ใกล้กำแพงหรือรั้วบ้าน เพื่อให้ประหยัดพื้นที่ใช้สอยภายในบ้าน แต่รู้หรือไม่ว่า หากคุณวางสระไว้ติดแนวเขตที่ดินเกินไป อาจขัดต่อกฎหมายและกฎระเบียบท้องถิ่น ซึ่งมีสิทธิ์ถูกสั่งให้ “รื้อถอน” หรือ “แก้ไข” ได้ในภายหลัง
การเว้นระยะจากแนวรั้ว หรือที่เรียกว่า “ระยะร่น” คือข้อบังคับด้านกฎหมายที่ใช้ควบคุมงานก่อสร้างแทบทุกประเภท ไม่เว้นแม้แต่การ สร้างสระว่ายน้ำ ซึ่งหลายคนอาจเข้าใจผิดว่าไม่เกี่ยวข้อง เพราะมองว่าเป็นพื้นที่ใช้สอยต่ำกว่าระดับดินหรือไม่ใช่อาคารถาวร
แนวทางทั่วไปในการเว้นระยะร่นสำหรับสระว่ายน้ำ
ควรเว้นจากแนวรั้วอย่างน้อย 1 เมตร สำหรับสระขนาดเล็กที่ความลึกไม่เกิน 1.50 เมตร
หากสระมี ความลึกเกิน 1.50 เมตร หรือมีโครงสร้างถาวร เช่น คอนกรีตเสริมเหล็ก ควรร่นออกมา อย่างน้อย 2 เมตร
ไม่ควรวางระบบท่อน้ำหรือระบบระบายลงแนวเขตที่ติดกับเพื่อนบ้านหรือที่ดินสาธารณะ
“กว่า 45% ของปัญหาข้อพิพาทด้านสระว่ายน้ำในไทยเกิดจากการสร้างติดรั้วเพื่อนบ้านโดยไม่ร่นระยะ” — สมาคมวิศวกรรมโยธาแห่งประเทศไทย, 2565
กรณีพิเศษที่ควรระวัง:
หากผนังสระว่ายน้ำทำจากคอนกรีตและอยู่ต่ำกว่าระดับพื้นดินมาก อาจจำเป็นต้องเว้นพื้นที่สำหรับงานซ่อมบำรุงและป้องกันแรงดันดินจากฝั่งเพื่อนบ้าน
สระที่มีระบบกรองน้ำขนาดใหญ่หรือปั๊มน้ำเสียงดัง ควรวางระบบไว้ให้ห่างจากห้องนอนหรือพื้นที่พักผ่อนของเพื่อนบ้าน
แม้คุณจะมีพื้นที่เพียงพอในการสร้างสระว่ายน้ำ แต่หากละเลยเรื่อง “ระยะร่น” จากแนวรั้ว อาจกลายเป็นปัญหากฎหมายหรือข้อพิพาทในภายหลังได้โดยไม่ตั้งใจ
การสอบถามสำนักงานเขต หรือให้วิศวกรช่วยตรวจสอบตำแหน่งก่อนก่อสร้าง จะช่วยลดความเสี่ยงและทำให้คุณสามารถวางแผนตำแหน่งสระได้อย่างถูกต้องตามระเบียบทุกประการ
ในบ้านตัวเอง ทำไมต้องขอ? เข้าใจเหตุผลของกฎหมายก่อนสระจะกลายเป็นปัญหา
หลายคนเชื่อว่าการสร้างสระว่ายน้ำในเขตบ้านตัวเองเป็นสิทธิส่วนบุคคล จะวางตรงไหน ขุดเมื่อไหร่ก็ได้ ไม่เห็นจำเป็นต้องไปขออนุญาตใคร แต่ในความเป็นจริงแล้ว แนวคิดแบบนี้คือจุดเริ่มต้นของปัญหาทางกฎหมายที่เจ้าของบ้านหลายรายต้องเผชิญโดยเฉพาะเมื่อมีเพื่อนบ้านร้องเรียน หรือมีเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบ
หลายคนอาจจะคิดว่า บ้านเรา จะทำอะไรก็เรื่องของเรา แม้ว่าจะเป็นพื้นที่ส่วนตัว แต่หากโครงสร้างสระว่ายน้ำ ฝังดิน, มีระบบท่อน้ำ-ไฟ, มีการกรองหรือปั๊มแบบถาวร ล้วนถือเป็น “สิ่งปลูกสร้างถาวร” ตามพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 ซึ่งต้องได้รับการอนุญาตจากเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นก่อนเริ่มงาน
ซึ่งกฎหมายมองที่ผลกระทบ ไม่ใช่แค่ความเป็นเจ้าของ เช่น ความปลอดภัยของโครงสร้าง , การรั่วซึมสู่ที่ดินข้างเคียง หรือเสียงรบกวนจากระบบกรอง ดังนั้นแล้วกฎหมายไม่ได้มีไว้ขัดขวางเจ้าของบ้าน แต่มีไว้เพื่อป้องกันปัญหาที่เจ้าของบ้านอาจยังไม่เห็นในวันที่เริ่มสร้าง
การยื่นขออนุญาตก่อน สร้างสระว่ายน้ำ ไม่ได้เป็นแค่เรื่องของขั้นตอนตามกฎหมาย แต่คือการวางแผนอย่างมีวิสัยทัศน์ ป้องกันความเสี่ยงทั้งด้านความปลอดภัย กฎหมาย และการใช้ประโยชน์จากอสังหาริมทรัพย์ในระยะยาว
อย่ารอให้ “สิ่งที่เราสร้างด้วยมือเรา” กลายเป็นเรื่องที่เราต้องรื้อด้วยน้ำตา — ทำให้ถูกตั้งแต่ต้น ใช้ได้นานอย่างมั่นใจ
กฎหมายไม่ใช่เรื่องยาก แค่รู้ก่อนสร้าง สบายใจกว่าทุกฝ่าย
หลายคนอาจรู้สึกว่าเรื่องกฎหมายเป็นอุปสรรคหรือความยุ่งยากที่ไม่อยากเข้าไปยุ่ง แต่ความจริงแล้ว การเข้าใจกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการสร้างสระว่ายน้ำตั้งแต่แรก จะช่วยให้คุณสามารถวางแผนงานได้อย่างเป็นระบบ และป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในภายหลัง ทั้งเรื่องความปลอดภัย ระยะร่น หรือข้อพิพาทกับเพื่อนบ้าน
ไม่จำเป็นต้องรู้ทุกข้อกฎหมายด้วยตัวเอง เพียงแค่รู้ “ต้องถามใคร ต้องเตรียมอะไร” คุณก็สามารถทำให้โครงการสระว่ายน้ำในฝันของคุณเดินหน้าได้อย่างถูกต้อง สบายใจ และไม่ติดขัด
ไม่ว่าคุณจะวางแผนสร้างสระไว้ใช้ในบ้าน พักผ่อนกับครอบครัว หรือเพิ่มมูลค่าให้กับอสังหาริมทรัพย์ สิ่งที่ไม่ควรมองข้ามเลยคือเรื่องของ “กฎหมาย”
การรู้ว่าต้องขออนุญาตหรือไม่ เอกสารใดจำเป็น หรือควรเว้นระยะร่นเท่าไหร่ ไม่ได้ทำให้การสร้างสระยุ่งยากขึ้น — แต่ช่วยให้คุณไม่ต้องมาแก้ปัญหาย้อนหลังในวันที่ทุกอย่างสร้างเสร็จไปแล้ว
ความรู้เบื้องต้นทางกฎหมายไม่ใช่เรื่องซีเรียส แต่เป็น “เกราะป้องกันเงียบ ๆ” ที่ทำให้คุณมั่นใจได้ในทุกการตัดสินใจ
ก่อนที่คุณจะสั่งซื้อวัสดุ ว่าจ้างช่าง หรือเริ่มขุดสระ ลองกลับมาดู 3 ข้อนี้อีกครั้ง:
คุณเช็กกับสำนักงานเขตหรือยังว่าสระที่คุณจะสร้าง “ต้องขออนุญาตหรือไม่”?
แบบแปลนของคุณมีวิศวกรหรือสถาปนิกรับรองแล้วหรือยัง?
คุณเว้นระยะจากแนวรั้วหรือระบบระบายน้ำเพียงพอหรือยัง?
หากคุณยังไม่แน่ใจในข้อใดข้อหนึ่ง ติดต่อเจ้าหน้าที่เขต หรือ ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญระบบสระว่ายน้ำของเรา ก่อนเริ่มงานจริง คุณจะได้เริ่มโครงการด้วยความมั่นใจ และจบอย่างราบรื่น ไม่ต้องย้อนกลับมาแก้ไข